สอนวิธีเทรดหุ้นต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นสหรัฐอเมริกา หุ้นจีน หุ้นอังกฤษ หุ้นฝรั่งเศส หุ้นเยอรมนี แบบละเอียด ตั้งแต่การสมัครเปิดบัญชี ฝากเงิน เทรด ถอนเงิน
วิธีเทรดหุ้นต่างประเทศ (สหรัฐ จีน แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี)
1.เลือกโบรกเกอร์
การจะเทรดหุ้นต่างประเทศได้นั้นเราต้องทำการซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ ซึ่งมันก็มีมากมายหลายเจ้า
โดยโบรกเกอร์ที่ผมจะใช้สอนในวันนี้ก็มีชื่อว่า Avatrade
เพราะอะไรจึงแนะนำโบรกเกอร์นี้?
เพราะโบรกเกอร์ Avatrade ได้อันดับ 1 ในด้านความน่าเชื่อถือ จากการเปรียบเทียบกันกับ 22 โบรกเกอร์เจ้าดังๆในประเทศไทย (ดูการจัดอันดับได้ที่→ Broker Forex ที่น่าเชื่อถือ)
ทีนี้มาดูข้อมูลกันว่าโบรกเกอร์ Avatrade น่าเชื่อขนาดไหน?
(กดที่เครื่องหมาย + แสดงเนื้อหา)
โบรกเกอร์ Avatrade ถูกกำกับดูแลโดยหน่วยงานภาครัฐกว่า 7 ประเทศทั่วโลก (หน่วยงานพวกนี้เปรียบเสมือน ก.ล.ต. ของประเทศไทย)
- Australian Securities & Investment Commission (ASIC) | ประเทศออสเตรเลีย | เลขที่ 406684
- Japanese Financial Services Authority (JFSA) | ประเทศญี่ปุ่น | เลขที่ 1662
- Investment Industry Regulatory Organization of Canada (IIROC) | ประเทศแคนาดา | กดเพื่อดู
- Central Bank of Ireland (CBI) | ประเทศไอร์แลนด์ | เลขที่ C53877
- Financial Sector Conduct Authority (FSCA) | ประเทศแอฟริกาใต้ | เลขที่ 45984
- Abu Dhabi Global Markets (ADGM) | ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | เลขที่ 190018
- Financial Services Commission (BVIFSC) | อาณาจักรหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน | กดเพื่อดู
- 4.8 ดาว จากผู้รีวิว 9,510 คน
- ยอดดาวน์โหลดแอป 1+ ล้านครั้ง
*อ้างอิงจากแอป Avatrade: Forex & CFD Trading บน Google Play
AvaTrade เปิดมานาน 16 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ.2006
- มีการแยกเงินฝากของลูกค้าออกจากบริษัท
- มีการป้องกันยอดเงินคงเหลือติดลบ
- มีกองทุนทดแทนเงินฝากสูงสุด 20,000 EUR
- เข้ารหัสลับ 256-bit SSL ทั้งเว็บไซต์
- มาตรการรับรองตัวตนด้วย Embedded True-Site
- เข้ากันกับ WebTrust ตามที่กำหนดโดย American Institute of Certified Public Accountants (สมาคมนักบัญชีและผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตในสหรัฐอเมริกา)
- ใช้ McAfee Secure (HackerSafe) เพื่อป้องกันการฉ้อโกงบัตรเครดิตและการโจรกรรมอัตลักษณ์
โอเคก็คงจะเห็นกันแล้วนะครับว่าโบรกเกอร์ AvaTrade นั้นน่าเชื่อถือสูงมากๆ
เพราะถูกกำกับดูแลโดยหน่วยงานภาครัฐของประเทศที่น่าเชื่อถือสูง (ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, แคนาดา) เปิดมานานถึง 16 ปี มีดาวน์โหลดแอป 1 ล้านกว่าครั้งแถมได้รีวิวดีมากถึง 4.8 ดาว
ดังนั้นคุณสามารถฝากเงินเข้าไปเทรดได้แบบสบายใจแน่นอนครับ
2.เปิดบัญชีเทรด
เริ่มแรกก็กดปุ่มด้านล่างนี้เพื่อไปหน้าสมัครเปิดบัญชีเทรด AvaTrade
จากนั้นหากอยากดูคลิปสอนสมัครกดดูได้ด้านล่างนี้เลย
หรือจะดูวิธีสมัครแบบภาพประกอบก็ทำตามด้านล่างนี้เลย
(กดที่เครื่องหมาย + แสดงเนื้อหา)
กรอกข้อมูลต่างๆต่อไปนี้ (ต้องกรอกข้อมูลต่างๆให้ตรงกับในบัตรประชาชน ไม่งั้นเข้าจะไม่อนุมัติบัญชี)
- ชื่อ: กรอกชื่อตามบัตรประชาชน
- นามสกุล: กรอกนามสกุลตามบัตรประชาชน
- อีเมล: กรอกอีเมล
- หมายเลขโทรศัพท์: กรอกเบอร์โดยตัดเลข 0 ด้านหน้าสุดออก (เช่น เบอร์คือ 0986541214 ก็กรอก 986541214)
- กด สร้างบัญชี
ต่อมาก็กรอกข้อมูลส่วนตัวดังต่อไปนี้ (กรอกให้ตรงกับในบัตรประชาชน)
- วันเกิด: กดเลือก เดือน/วันที่/คศ. เกิด
- ที่อยู่: ให้เรากดที่รูปดินสอก่อน จากนั้นให้เรากรอกบ้านเลขที่, หมู่, ตำบล, อำเภอ ลงไปเป็นภาษาไทยได้เลย
- เมือง: กรอกจังหวัด
- ชื่อถนน: กรอกชื่อถนน หากไม่มีให้ใส่เครื่องหมาย – ลงไป
- หมายเลขถนน: กรอกชื่อหมายเลขถนนลงไป ถ้าหากไม่มีให้ใส่เครื่องหมาย – ลงไป
- อพาร์ทเม้นท์ ห้องชุด หน่วย: เว้นว่างไว้ ไม่ต้องกรอกอะไร
- รหัสไปรษณีย์: กรอกรหัสไปรษณีย์ลงไป
- รหัสผ่าน: ตั้งรหัสผ่านสำหรับบัญชีของคุณ โดยรหัสผ่านนั้นต้องประกอบด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์เล็ก ตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์ใหญ่ ตัวเลข ซึ่งก็ต้องมีความยาวอย่างน้อย 8 ตัวอักษร ตัวอย่างเช่น aA123456
- แพลตฟอร์มการซื้อขาย: แนะนำให้เลือกเป็น MetaTrader 5 และ USD
เมื่อกรอกทุกอย่างเสร็จก็กดที่ ขั้นตอนต่อไป
ต่อมาเข้าก็จะให้เรากรอกแบบสอบถาม
ก็ให้คุณทำการกรอกแบบสอบถามไปตามจริง
เมื่อตอบคำถามเสร็จทุกข้อก็จะเจอข้อกำหนดและเงื่อนไข ก็ให้เราติ๊กที่ช่องสี่เหลี่ยมเพื่อยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลงต่างๆ
จากนั้นกดส่ง
เมื่อมาที่หน้านี้ก็กดที่ ไม่ขอบคุณ ฉันจะจัดหาเงินให้ทีหลัง
สิ่งที่เราต้องทำต่อไป ก็คือการส่งเอกสารยืนยันตัวตนและที่อยู่กับเว็บ AVATRADE
เริ่มแรกให้เราคลิกที่ 3 ขีดมุมซ้ายบน
จากนั้นก็ให้เราคลิกที่ อัปโหลดเอกสาร
การยืนยันตัวตน
เริ่มแรกเราไปทำการยืนยันตัวตนกัน
ให้เราเลื่อนไปที่หัวข้อ บัตรประจำตัวประชาชน จากนั้นทำตามนี้
- เลือกประเภท: กดเลือกเอกสารที่คุณจะใช้ในการยืนยันตัวตน เอกสารที่ใช้ได้ก็จะมีบัตรประจำตัวประชาชน ใบอนุญาตขับขี่ หนังสือเดินทาง (เลือกได้ตามสะดวกแต่ผมแนะนำให้ใช้บัตรประจำตัวประชาชน)
- บัตรประจำตัวประชาชนด้านหน้า: กดเข้าไป แล้วกดเลือกไฟล์รูปบัตรประชาชนด้านหน้าของคุณ (หากยังไม่ถ่ายให้ย่อหน้าจอออกไปถ่ายก่อน)
- บัตรประจำตัวประชาชนด้านหลัง: กดเข้าไป แล้วกดเลือกไฟล์รูปบัตรประชาชนด้านหลังของคุณ (หากยังไม่ถ่ายให้ย่อหน้าจอออกไปถ่ายก่อน)
- สุดท้ายกด อัปโหลด
เมื่ออัปโหลดเสร็จแล้วมันก็จะขึ้นว่า กำลังรอการตรวจสอบ ก็ให้เราเลื่อนลงด้านล่างไปทำขั้นต่อไปได้เลย
การยืนยันที่อยู่
โอเคต่อมาทำการยืนยันที่อยู่กันต่อ
ให้เราเลื่อนลงด้านล่างไปที่หัวข้อ ใบเรียกเก็บค่าสาธารณูปโภค
ซึ่งเอกสารที่สามารถใช้ในการยืนยันที่อยู่ avatrade ได้แก่
- ใบเสร็จค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต (ต้องมีชื่อและก็ที่อยู่ของคุณแสดงอยู่ในใบเสร็จ ใช้ของคนอื่นไม่ได้)
- ใบขับขี่ (ของคุณเอง)
- Statement ธนาคาร (รายการเดินบัญชีของธนาคาร ที่เป็นชื่อของคุณ)
ก็ให้คุณไปเตรียมเอกสารที่คุณสะดวกมา ซึ่งผมแนะนำให้คุณใช้เป็นรายการเดินบัญชีธนาคาร เพราะสามารถขอได้ง่ายๆเพียงแค่ใช้แอปพลิเคชันของธนาคารไหนก็ได้
ตัวอย่างผมใช้แอป K+ ของกสิกรก็สามารถกดขอ Statement ได้ง่ายๆในแอปเลย (หากคุณใช้แอปธนาคารอื่นก็ทำได้ทุกธนาคาร ลองหาดูนะว่ามันขอ Statement ตรงไหน)
ซึ่งเขาก็จะส่งไฟล์ Statement มาให้ทางอีเมลแบบนี้ก็ให้คุณบันทึกภาพหน้าจอไว้ (ต้องให้เห็นชื่อและที่อยู่ของเราด้วยนะ)
จากนั้นก็ให้กลับมาที่ AvaTrade แล้วกดที่ ใบเรียกเก็บค่าบริการสารธารณู… จากนั้นกดเลือกรูป Statement ที่คุณบันทึกภาพหน้าจอไว้เมื่อกี้ (หรือจะใช้ใบขับขี่ ใบเสร็จต่างๆก็แค่ไปถ่ายรูปของมันแล้วมากดเลือกรูปที่ตรงนี้เช่นกัน)
สุดท้ายกด อัปโหลด
มันก็ขึ้นว่า สถานะรอการตรวจสอบ เท่านี้ก็ถือว่าเราจบการสมัครสมาชิกเปิดบัญชี AVATRADE ในทุกขั้นตอนแล้ว
ที่เหลือเราก็แค่รอให้เอกสารของเราได้รับการยืนยัน ซึ่งก็รอประมาณ 24 ชั่วโมง
…
1 วันต่อมา
…
โอเคตอนนี้ AVATRADE ได้ส่งอีเมลมาบอกว่า บัญชีของคุณได้รับการยืนยันและพร้อมใช้งาน
แบบนี้คือสมัครเสร็จแล้วต่อไปก็ฝากเงินเพื่อเทรดได้เลยครับ
3.ฝากเงิน
หลังจากเปิดบัญชีเทรดเสร็จแล้วต่อไปก็ฝากเงินเข้าไปเทรดกันต่อครับ
สามารถกดดูคลิปสอนวิธีฝากเงินได้ด้านล่างนี้เลยครับ
หรือกดดูสอนแบบภาพประกอบได้ด้านล่างนี้เลย
(กดที่เครื่องหมาย + แสดงเนื้อหา)
เริ่มแรกนะครับให้คุณไปที่ avatradethai.com
จากนั้นกดคลิกที่ ล็อกอิน แล้วก็กรอกอีเมลและรหัสผ่านของคุณลงไปแล้วกด เข้าสู่ระบบ
เมื่อมาหน้านี้ก็กดให้คลิกไปที่ขีด 3 ขีด
แล้วก็กดไปที่ฝาก
ระบบก็จะให้เราเลือกช่องทางในการฝากเงินนะครับซึ่งก็จะมี
- online banking
- บัตรเครดิต visa, master card
- wire transfer
สำหรับคนไทยแนะนำให้ใช้ online banking ก็คือการฝากโดยการใช้ธนาคารในประเทศไทยนั่นเอง
เมื่อเราเลือกช่องทางในการฝากเงินได้แล้วก็เลื่อนลงด้านล่าง
จากนั้นก็จะมีช่องทางต่างๆให้เราเลือกอีกมากมายซึ่งคุณก็สามารถเลือกช่องทางที่คุณสะดวกได้เลย
ซึ่งผมแนะนำว่าให้ใช้ PromptPay thailand ก็คือการชำระเงินผ่านทางคิวอาร์โค้ดพร้อมเพย์
ธนาคารที่ใช้ฝากได้
- กรุงศรี
- ออมสิน
- กสิกร
- ไทยพาณิชย์
- ทหารไทยธนชาต
- cimb
- เกียรตินาคินภัทร
- กรุงเทพ
ก็คลิกไปที่ PromptPay thailand นะครับ
ต่อมาให้เรากรอกจำนวนเงินที่เราต้องการฝากเข้าไปยัง avatrade
ซึ่งยอดฝากขั้นต่ำของ avatrade จะอยู่ที่ 100 USD (ประมาณ 3300 บาท)
จากนั้นก็คลิกที่ต่อไป
แล้วคลิกที่ดำเนินการต่อ
จากนั้นคลิกที่ช่องสี่เหลี่ยม (ตามภาพด้านล่าง) แล้วก็กดที่ Confirm
ok ทีนี้ระบบก็จะแจ้ง คิวอาร์โค้ดมาให้เราแบบนี้ ก็ให้เราสแกนคิวอาร์โค้ดนี้เพื่อชำระเงินให้เรียบร้อย
หากคุณใช้คอมก็นำมือถือมาสแกนเพื่อชำระเงินได้เลย
หากคุณใช้มือถือก็บันทึกภาพหน้าจอ qr code นี้ไว้แล้วก็ย่อหน้าจอไปเข้าแอปธนาคารและกดเลือกรูปภาพ qr code นี้เพื่อชำระเงินนั่นเองครับ
เมื่อสแกนชำระเงินให้กับ avatrade เสร็จก็กลับมาที่เว็บแล้วกด Confirm
จากนั้นมันก็จะขึ้น processing ก็ให้เรารอสักครู่
เมื่อรอให้มัน processing สักพัก ระบบก็จะขึ้นแบบนี้ ก็คือเขาบอกว่าให้เรารอประมาณ10 นาที เขาจะทำการยืนยันการชำระเงินให้เรา
…
ก็ให้คุณรอประมาณ 10 นาทีนะครับ
…
ok ครับตอนหลังจากผ่านมาไม่กี่นาทีผมก็ได้รับอีเมลแจ้งเตือนจาก avatrade ว่าการโอนเงินสำเร็จแล้วแบบนี้
ซึ่งสรุปก็คือใช้เวลาฝากเงิน 14 นาทีเองครับ
4.เทรดหุ้นต่างประเทศ
โอเคหลังจากฝากเงินเสร็จแล้ว เราก็สามารถเทรดหุ้นต่างประเทศหรือซื้อขายหุ้นต่างประเทศกันได้แล้วครับ
(กดที่เครื่องหมาย + แสดงเนื้อหา)
เริ่มแรกให้เข้าไปที่ Google Play Store หรือ App Store
จากนั้นค้นหาแอป “avatrade” แล้วกดติดตั้ง
หลังจากติดตั้งเสร็จก็เปิดเข้าแอป แล้วกดเข้าสู่ระบบ
จากนั้นกรอก อีเมลและรหัสผ่าน ลงไปแล้วกดเข้าสู่ระบบ
ต่อมากดเลือกบัญชีเทรด แล้วกดซื้อขาย
ต่อมาเข้าจะให้ตั้งรหัสผ่านเวลาเข้าแอปก็กดที่ตั้งค่า แล้วตั้งรหัสไปตามชอบ
จากนั้นเข้าก็จะให้ตั้งชีวมิติก็คือการสแกนนิ้วหรือสแกนใบหน้า หากต้องการตั้งก็กด ใช้
- กดไปที่ไอคอนแว่นขยาย
- กด Stocks
- เลือกประเทศของหุ้นที่ต้องการเทรด (หุ้นจีนกับหุ้นอเมริกาจะรวมอยู่ในหมวดหมู่ USA เพราะหุ้นจีนที่เทรดกับ AvaTrade ได้ จะเป็นหุ้นจีนที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นอเมริกาเท่านั้น)
- กดเลือกหุ้นที่ต้องการเทรด
- กดที่ไอคอนรูปดาวให้ขึ้นสีเหลือง
ต่อมากดที่ไอคอนรูปบ้าน
แล้วเลื่อนหาหุ้นที่เพิ่มเข้ามา
จากนั้นกดเข้าไปที่ชื่อหุ้นที่ต้องการเทรด
ก่อนจะเทรดเราต้องทำการวิเคราะห์ก่อนว่าเราคิดว่า
- ราคาหุ้นที่จะเทรด มันจะขึ้นหรือลง
- ราคาหุ้นที่จะเทรด มันจะขึ้นหรือลงไปถึงราคาเท่าไร (เพื่อใช้ตั้งเป็นจุดทำกำไร หรือ Take Profit)
- หากราคาหุ้นที่จะเทรด ไม่ได้ขึ้นหรือลงตามที่เราวิเคราะห์ไว้ จะตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ไว้ที่ตรงไหน
ซึ่งการที่จะรู้ 3 สิ่งข้างต้นเราก็ต้องวิเคราะห์กราฟนั่นเอง
ทีนี้มาดูวิธีเพิ่มเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์กราฟกัน
- กดที่ซื้อหรือขายก็ได้ (กดแล้วยังไม่ได้ส่งคำสั่งซื้อขาย เรากดเพื่อเข้าไปหน้าวิเคราะห์กราฟ)
- เอียงหน้าจอเป็นแนวนอน
- กดที่ไอคอนฟันเฟือง
- กด +
- กดติ๊กถูกที่ช่องสี่เหลี่ยมตรงเครื่องมือในการวิเคราะห์กราฟ (Indicator) ที่ต้องการใช้
- กดกาถูกที่มุมซ้ายบน
- กดลูกศรย้อนกลับที่มุมซ้ายบน
- เอียงหน้าจอเป็นแนวนอน ก็จะเจอกับเครื่องมือในการวิเคราะห์กราฟ (Indicator) ที่เพิ่มเข้ามาแล้ว
ทีนี้คุณก็จะสามารถวิเคราะห์กราฟโดยใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์กราฟ (Indicator) ได้แล้ว
แต่มือใหม่ที่ไม่เคยใช้ Indicator เหล่านี้มาก่อนก็คงมีคำถามว่ามันใช้งานยังไง?
ง่ายๆเลยคือให้คุณเข้าไปใน YouTube แล้วค้นหาคำว่า “สอนใช้+ชื่อ Indicator ที่ต้องการ” หรือค้นหาคำว่า “สอนวิเคราะห์กราฟ”
เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถใช้ Indicator ต่างๆ เพื่อทำการวิเคราะห์กราฟหุ้นได้แล้ว
หลังจากวิเคราะห์กราฟเสร็จคุณจะได้ 3 อย่างนี้
- ราคาหุ้นที่จะเทรด มันจะขึ้นหรือลง
- ราคาหุ้นที่จะเทรด มันจะขึ้นหรือลงไปถึงราคาเท่าไร (เพื่อใช้ตั้งเป็นจุดทำกำไร หรือ Take Profit)
- หากราคาหุ้นที่จะเทรด ไม่ได้ขึ้นหรือลงตามที่เราวิเคราะห์ไว้ จะตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ไว้ที่ตรงไหน
จากนั้นก็สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้แล้ว
ให้คุณกดซื้อ หรือกดขาย
- ซื้อ: คือการเปิดออเดอร์เพื่อทำกำไรในขาขึ้น (หากราคาหุ้นตัวนั้นขึ้นคุณจะได้กำไร)
- ขาย: คือการเปิดออเดอร์เพื่อทำกำไรในขาลง (หากราคาหุ้นตัวนั้นลงคุณจะได้กำไร)
จากนั้นทำตามนี้
- กดเปิดเมนูทำกำไร
- กรอกราคาที่ต้องการตั้งเป็นจุดทำกำไร (Take Profit)
- เปิดเมนูหยุดขาดทุน
- กรอกราคาที่ต้องการตั้งเป็นจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss)
- กรอกล็อตที่ต้องการ (Lot Size)
- กดยืนยัน
*หากคุณไม่รู้จะตั้งล็อตเท่าไหร่ เราจะมีอธิบายการตั้งล็อตที่เหมาะสมในหัวข้อคำถามที่พบบ่อย (ด้านล่าง)
*ล็อตคือหน่วยในการเทรด ซึ่งแต่ละหุ้นจะไม่เท่ากัน เช่น จากภาพด้านล่าง 0.01 ล็อตของหุ้น ADIDAS จะเท่ากับ 10 หุ้น [ดูตรงจำนวนเงิน (Share) ว่ากี่ล็อตเท่ากับกี่หุ้น]
จากนั้นคุณก็ไม่ต้องทำอะไรแล้วเพียงแค่รอให้ราคาหุ้นวิ่งไปถึงจุดทำกำไร (Take Profit) / จุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ที่กำหนดไว้
หากราคาวิ่งไปถึงจุดทำกำไร (Take Profit) ก่อน เราจะได้กำไร
หากราคาวิ่งไปถึงดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ก่อน เราจะขาดทุน
(สามารถปิดมือถือไปได้เลยไม่ต้องนั่งเฝ้าหน้าจอ)
ต่อมาหากต้องการดูสถานะออเดอร์การเทรดว่าได้กำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่
ให้กดไปที่เมนูรูปกระเป๋าตามภาพ
หากคุณต้องการปิดออเดอร์ เพื่อรับผลกำไรหรือผลขาดทุนทันที
โดยไม่อยากรอให้ราคาหุ้นวิ่งไปถึงจุดทำกำไรหรือหยุดขาดทุนที่ตั้งไว้
เราก็สามารถปิดออเดอร์ก่อนได้
ก็คือให้เรากดไปที่จุด 3 จุดตรงออเดอร์ที่ต้องการปิด จากนั้นกดปิดสถานะ
- กดไอคอนรูปกระเป๋า
- กดไอคอนลูกศรหมุน ตรงมุขขวาบน
5.ถอนเงิน
หลังจากเทรดได้กำไรกันแล้วต่อไปมาดูวิธีการถอนเงินกันต่อ
หากอยากดูเป็นคลิปกดดูได้ด้านล่างนี้เลย
หากอยากดูแบบภาพประกอบก็ดูได้ด้านล่างนี้เลย
(กดที่เครื่องหมาย + แสดงเนื้อหา)
เริ่มแรกไปที่ avatradethai.com
จากนั้นก็คลิกที่ ล็อกอิน กรอกอีเมลและรหัสผ่านของคุณลงไปแล้วก็กด เข้าสู่ระบบ
ok ต่อมาก็ให้กดไปที่ขีด 3 ขีด (ตรงมุมซ้ายบน)
จากนั้นก็กดที่ถอน
ต่อมาเข้าจะให้คุณทำความเข้าใจก่อนถอนเงิน ซึ่งสรุปง่ายๆก็คือ
- คุณสามารถถอนเงินได้โดยใช้วิธีการเดียวกับที่คุณใช้ฝากเงินเท่านั้น (เช่น ฝากทางธนาคารกสิกรก็ ตอนถอนออกก็ต้องถอนเข้าธนาคารกสิกรบัญชีนั้น)
- บัญชีของคุณต้องได้รับการตรวจสอบแล้วเท่านั้น (ยืนยันตัวตนและที่อยู่)
ก็เหมือนเดิมให้คลิกที่ 3 ขีด (ตรงมุมซ้ายบน) และก็กดที่ถอน
แล้วก็กรอกรายละเอียดดังต่อไปนี้
- จำนวนที่ขอ: กรอกจำนวนเงินที่จะถอนออกในหน่วย USD (ยอดถอนขั้นต่ำ avatrade อยู่ที่ 100 USD หรือประมาณ 3300 บาท)
- ชื่อเต็ม: กรอกชื่อบัญชี (เป็นภาษาอังกฤษ)
- ธนาคาร: กดเลือกธนาคาร (ต้องเป็นธนาคารเดียวกันกับที่คุณใช้ฝากเงิน) (ธนาคารที่ใช้ถอนได้ กรุงศรี, ออมสิน, กสิกร, ไทยพาณิชย์, ทหารไทยธนชาต, cimb, เกียรตินาคินภัทร, กรุงเทพ)
- หมายเลขบัญชีธนาคาร: กรอกหมายเลขบัญชี
- เหตุผลในการถอนเงิน: กดเลือกอะไรไปก็ได้
- กด ส่ง
จากนั้นมันจะขึ้นขอบคุณมาแบบนี้ ให้คุณกดปิดไป
เท่านี้คือจบทุกกระบวนการในการถอนเงินออกจาก Avatrade แล้ว
ต่อไปเราก็แค่รอให้ทีมงาน avatrade ทำการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของเราภายใน 5 วันทำการ
ถ้าเขาโอนให้แล้วเข้าก็จะส่งอีเมลมาบอกเรานะครับ
…
จากที่ผมถอนเงินในครั้งนี้ก็ผ่านมาแค่ 1 วัน ผมก็ได้รับอีเมลจาก avatrade แล้วว่าการถอนของคุณอยู่ระหว่างการดำเนินการ
ถ้าได้รับอีเมลแบบนี้ก็แปลว่าเข้าจะโอนเงินให้เราแล้วก็รอดูภายในวันนี้ละได้เงินแน่นอน
หลังจากนั้นไม่นานเงินก็เข้าบัญชีธนาคารแล้วตอนเวลา 15.28 น ซึ่งผมกดถอนเงินตอนเวลา 21.13 น.
ก็เท่ากับว่าใช้เวลาทั้งหมด 18 ชั่วโมงกับ 15 นาที ในการรอให้ avatrade ทำการโอนเงินให้
ก็ถือได้ว่าไวมากๆ เพราะว่ายังไม่ถึง 24 ชั่วโมงด้วยซ้ำ
(แต่มันก็อาจใช้เวลาสูงสุดถึง 5 วันนะครับอาจไม่เร็วแบบนี้ทุกครั้ง)
คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับการเทรดหุ้นต่างประเทศ
(กดที่เครื่องหมาย + แสดงเนื้อหา)
ล็อตที่เหมาะสมคือล็อตที่ทำให้มูลค่าจุดตัดขาดทุนคิดเป็น 1% – 5% ของเงินทุน
เริ่มแรกให้คุณกำหนดก่อนว่าจะให้มูลค่าจุดหยุดขาดทุนคิดเป็นกี่ % ของเงินทุน (แนะนำ 1% – 5%)
เช่น จากตัวอย่างนี้ผมจะกำหนดไว้ที่ 5%
ต่อมาเอา % มูลค่าจุดหยุดขาดทุน ไปคุณกับเงินทุนที่มี
เช่น จากตัวอย่างนี้ผมมีเงินทุน 1,000 USD
ก็เอา 5% x 1,000 = 50 USD
แปลว่าคุณควรตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ในการเทรดแต่ละครั้งให้มีมูลค่าไม่เกิน 50 USD
พอได้จำนวนเงินมาแล้วแบบนี้ต่อไปเวลาเทรดเราก็กำหนดจุดทำกำไร/จุดหยุดขาดทุนก่อน
จากนั้นสุ่มกรอกล็อตจนมันทำให้มูลค่าจุดหยุดขาดทุนไกล้เคียงกับ 50 USD ที่สุดโดยไม่เกิน
นั่นแหละก็คือล็อตที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
ฝากขั้นต่ำ 100 USD (ประมาณ 3300 บาท)
ถอนขั้นต่ำ 100 USD (ประมาณ 3300 บาท)
ฟรีค่าธรรมเนียมฝากเงินและถอนเงิน
อ้างอิงจากการทดสอบฝากถอนเงินด้วยตัวผมเอง
ฝากเงินรอ 14 นาที
ถอนเงินรอ 18 ชั่วโมง 15 นาที
ค่าธรรมเนียมในการเทรดมี 2 อย่างคือ
1. ค่าสเปรด
ค่าสเปรดนั้นมันเป็นความแตกต่างของราคารับซื้อกับราคาขายออก
หากนึกภาพไม่ออกให้คุณนึกถึงตอนไปร้านทอง คุณจะเห็นว่าราคาที่เขาขายทองให้เรากับราคาที่เขารับซื้อจากเรามันจะต่างกันอยู่ 100 บาท นี่แหละเขาเรียกว่าค่าสเปรด
แล้วเราจะดูยังไงว่าต้องเสียค่าสเปรดเท่าไร
- กดไอคอนแว่นขยาย
- กด Stocks
- กดเลือกประเทศของหุ้นที่ต้องการดูค่าสเปรด
- กดเลือกหุ้นที่ต้องการดูค่าสเปรด
- ดูว่าราคาหุ้นเป็นทศนิยมกี่ตำแหน่ง (หาก 2 ตำแหน่งให้เอา 0.01 คูณสเปรด, หาก 3 ตำแหน่งให้เอา 0.001 คูณสเปรด)
- กด รายละเอียดตราสาร
- ดูที่สเปรด
เช่นจากตัวอย่างนี้หุ้น INTEL ราคา 30.44 ก็คือทศนิยม 2 ตำแหน่ง และมีค่าสเปรด 7
เราก็เอา 0.01 x 7 = 0.07 USD
แปลว่าต้องเสียค่าสเปรดสำหรับการเทรดหุ้น INTEL 0.07 USD ต่อการเทรด 1 หุ้น
ซึ่งในแต่ละหุ้นก็มีค่าสเปรดแตกต่างกันไปคุณอาจนึกภาพไม่ออกว่าค่าสเปรดนี้มันแพงไหม
ผมเลยได้นำค่าสเปรดของหลายๆหุ้นมาแปลงเป็น %
นี่คือค่าที่ได้
- tesla = 0.201%
- amazon = 0.226%
- alibaba = 0.212%
- coca cola = 0.232%
- bmw = 0.174%
- disney = 0.216%
- facebook = 0.293%
- google = 0.165%
- netflix = 0.313%
- microsoft = 0.175%
สรุปง่ายๆเราเสียค่าสเปรดเฉลี่ย 0.220% ของมูลค่าที่เทรด
2. ค่า Swap
Swap คือดอกเบี้ยในการถือออเดอร์ข้ามคืน
ข้อควรรู้เกี่ยวกับค่า Swap
- หุ้นแต่ละประเทศค่า Swap ต่างกัน
- ค่า Swap มีการเปลี่ยนแปลงตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศที่หุ้นนั้นจดทะเบียนอยู่
- หากไม่อยากเสียก็แค่ปิดออเดอร์ก่อนตี 5
- วันเสาร์อาทิตย์ไม่มี ค่า Swap แต่เค้าจะไปคิด วันศุกร์3 เท่าจากค่าปกติแทน
วิธีการดูค่า Swap
- กดไอคอนแว่นขยาย
- กด Stocks
- กดเลือกประเทศของหุ้นที่ต้องการดูค่า Swap
- กดเลือกหุ้นที่ต้องการดูค่า Swap
- กด รายละเอียดตราสาร
- หากเปิดออเดอร์ซื้อ ให้ดูที่ดอกเบี้ยข้ามคืนซื้อ
- หากเปิดออเดอร์ขาย ให้ดูที่ดอกเบี้ยข้ามคืนขาย
จากนั้นเอา [(ดอกเบี้ยข้ามคืนซื้อหรือดอกเบี้ยข้ามขาย / 365) / 100] x ราคาหุ้น x จำนวนหุ้นที่ซื้อ
ก็จะได้มูลค่า Swap ที่ต้องเสีย
เช่น หากผมเปิดออเดอร์ BUY | ในหุ้น INTEL | ที่ราคา 30.44 | ที่ 0.01 ล็อต (เท่ากับ 10 หุ้น)
ต้องเสียค่า Swap = [(-8.98 / 365) / 100] x 30.44 x 10
ต้องเสียค่า Swap = 0.07489 (หากทศนิยมเกิน 2 ตำแหน่งให้ปัดขึ้นหรือลง)
การเทรดหุ้นต่างประเทศกับ AvaTrade จะใช้หน่วยล็อต
ซึ่งล็อตในแต่ละหุ้นจะแตกต่างกัน
วิธีการดูก็คือให้ดูในช่อง จำนวนเงิน (Share)
เช่น หุ้น ADIDAS 0.01 ล็อตจะทีค่าเท่ากับ 10 หุ้น
- ธนาคาร: กรุงศรี, ออมสิน, กสิกร, ไทยพาณิชย์, ทหารไทยธนชาต, cimb, เกียรตินาคินภัทร, กรุงเทพ
- บัตรเครดิต/เดบิต: VISA, mastercard
- Skrill
แนะนำสำหรับคุณ
มีคำถาม? ทัก LINE เลย
หรือแอดไลน์ไอดี: @sakainvest (มี @)